Overall
         จะเป็นการวางแผนสื่อเพื่อผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงมากๆเช่น Revenue, ROAS (Return on ads spend), Subscription, Lead generation โดยจะใช้สื่อประเภทที่เรียกว่า biddable media ซึ่งสามารถทำการแก้ไขระหว่างการเล่นสื่อได้ตลอดเวลาหรือสามารถทำ optimization ได้นั่นเอง ทำให้เหมาะกับการทำตาม objective เหล่านี้มากๆ  และการทำ performance campaign ยังต้องการความเอาใจใส่ในระหว่างการเล่น campaign สม่ำเสมอ เช่นต้องเข้ามาดูทุกๆ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงเป็นไปตามที่วางแผนไว้

Scope of work
          จะไม่ได้แตกต่างจาก Branding media planner มากนักในส่วนของการรับบรีฟ ระบุงบประมาณและ ระยะเวลา แต่สิ่งที่ตากชัดเจนคือลูกค้าจะระบุมาเลยว่าต้องการให้ได้ตาม objective ที่กำหนดมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ชัดเจน  ทาง planner มีหน้าที่ที่จะไปวางแผนแบ่งงบประมาณ กำหนดประเภทของสื่อ วัน และลักษณะของชิ้นงานที่จะใช้ทำเป็น proposal ไปเสนอลูกค้า โดยตัว proposal จะแสดงให้เห็นตัว KPI และ How to achieve อย่างชัดเจน 

Planning process
         ขั้นตอนการวางแผนสื่อแบบ Performance media จะเน้นหนักไปที่การศึกษาข้อมูลเก่า  และการวาง tactic เพื่อให้สามารถบรรลุ objective ได้เป็นหลัก จะไม่เน้นการศึกษา Target group หรือการทำ Competitor media usage analysis มากนัก

1. Briefing from client
2. Historical media performance analysis
3. Media selection based on pass performance or test and learn if necessary
4. Media strategy – tactic – operation
5. Identify KPI
6. Campaign budget and timeline laydown 

Outcome
         สำหรับในส่วนการวัดผลนั้นจะตรงไปตรงมาสำหรับ performance media ก็คือวัดตามจำนวนของ objective ที่วางไว้ว่าทำได้หรือไม่ เช่นได้แก่ Revenue, ROAS (Return on ads spend), Subscription, Lead generation  ถ้าหากไม่ถึง  ก็เท่ากับ campaign ไม่ประสบความสำเร็จตามที่วางแผนไว้  จำเป็นต้องทำการศึกษาหาว่าต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้างเพื่อให้ดีขึ้น แต่ถ้าสามารถทำได้ถึง  ก็คือแผนการที่วางไว้ใช้ได้ผลดี  ก็สามารถเก็บไว้ใช้ต่อไปได้หรือ  อาจจะหาทางปรับตัว objective ให้มีความท้าทายเพิ่มขึ้นไปอีกตามผลลัพธ์ที่ดีขึ้น  เพื่อเป็นการ make sure ว่าเราจะทำให้มันดีขึ้นเสมอ